นโยบายสิทธิมนุษยชน
ประกาศคณะกรรมการบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
ที่ 1/2568
เรื่อง นโยบายสิทธิมนุษยชน (ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1)
คํามั่นของนโยบายสิทธิมนุษยชน
บริษัท ราช กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพสิทธิมนุษยชนเป็นพื้นฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายสิทธิมนุษยชนเพื่อเป็นคํามั่นว่าจะยึดถือปฏิบัติ สนับสนุน และส่งเสริมการเคารพและปกป้องสิทธิขั้นพื้นฐานและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทุกคนที่เกี่ยวข้องในการดําเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายในประเทศ หลักการสิทธิมนุษยชนสากล และหลักปฏิบัติที่ดีสำหรับภาคธุรกิจ ได้แก่
- ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (Universal Declaration of Human Rights: UDHR)
- หลักการชี้แนะของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs)
- กรอบความร่วมมือการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (Principles of the United Nations Global Compact: UNGC) ปฏิญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ
- ปฏิญญาว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงาน (Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work) รวมถึงอนุสัญญาหลัก (Core Conventions) ขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labour Organization: ILO)
- แนวปฏิบัติขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สำหรับวิสาหกิจข้ามชาติว่าด้วยการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ (OECD Guidelines for Multinational Enterprises on Responsible Business Conduct)
- หลักการสิทธิเด็กและธุรกิจ (Children's Rights and Business Principles: CRBP)
บริษัทฯ ยังมีความมุ่งมั่นที่จะเคารพและปฏิบัติตามหลักการระหว่างประเทศที่สนับสนุนสิทธิมนุษยชนและการปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม เพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
ขอบเขตของนโยบาย
บริษัทฯ พิจารณานํานโยบายสิทธิมนุษยชน เพื่อใช้เป็นกรอบในการบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนและแนวปฏิบัติในการดําเนินงานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการในทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพนักงาน หรือแรงงาน ห่วงโซ่อุปทาน ชุมชนและสังคม
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีเจตนารมณ์ที่จะส่งเสริมให้บริษัทร่วมทุน หุ้นส่วนธุรกิจ คู่ค้าและผู้ที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ และกิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดําเนินงานบนพื้นฐานของหลักการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยนํานโยบายฉบับนี้มาเป็นแนวทางในการปฏิบัติ หรือประยุกต์ใช้ตามความเหมาะสม
คํานิยาม
สิทธิมนุษยชน หมายถึง สิทธิตามธรรมชาติเป็นสิทธิประจําตัวของมนุษย์ทุกคน ไม่สามารถแบ่งแยก ไม่ว่าจากเชื้อชาติ สีผิว เพศ ภาษา ศาสนา การศึกษา ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรม สถานะทาง สังคม ทรัพย์สิน หรือสถานะถิ่นที่อยู่ ความคิดเห็นทางการเมือง หรือเรื่องอื่นใดตามกฎหมายหรือพันธะสัญญาที่ผูกพัน นอกจากนี้ ทุกคนยังมีความเสมอภาค เสรีภาพ และมีสิทธิได้รับความคุ้มครองให้พ้นจากการเป็นทาสและ การทรมาน มีสิทธิในอิสระในการแสดงความเห็น การแสดงออก รวมทั้งสิทธิในการทำงาน ได้รับค่าตอบแทน ที่เหมาะสมและเอื้ออํานวยต่อความเป็นอยู่สำหรับตนเองอย่างเป็นธรรม โดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ
แนวปฏิบัติของนโยบายสิทธิมนุษยชน
คณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานบริษัทฯ เคารพในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียม และเปิดให้ทุกคนมีโอกาสที่เท่าเทียมกัน โดยไม่เลือกปฏิบัติอันเนื่องมาจาก ความแตกต่างด้านเชื้อชาติ สัญชาติ สีผิว เพศ อัตลักษณ์ทางเพศ อายุ ศาสนา ภาษา ลัทธิ ความเชื่อ สถานะทางสังคม ถิ่นกำเนิดของครอบครัว ความทุพพลภาพ ความคิดเห็นทางการเมือง รวมทั้งบทบัญญัติของกฎหมายและหลักการสิทธิมนุษยชนสากลที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการปกป้องและส่งเสริมสิทธิของกลุ่มเปราะบางและผู้ด้อยโอกาส ที่อาจเผชิญความเสี่ยงจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเลือกปฏิบัติอย่าง ไม่เป็นธรรม โดยจะดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังอย่างรอบด้าน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการละเมิด สิทธิมนุษยชนในกระบวนการทำงานของบริษัทฯ และได้กำหนดแนวปฏิบัติของนโยบายสิทธิมนุษยชนที่ครอบคลุมสาระสำคัญดังต่อไปนี้
- บริษัทฯ ปฏิเสธการจ้างแรงงานเด็ก โดยกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขอายุขั้นต่ำในการจ้างแรงงานตามข้อบัญญัติของกฎหมายคุ้มครองแรงงานของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นการเคารพและส่งเสริมสิทธิของเด็กโดยหลีกเลี่ยงการดำเนินธุรกิจที่อาจส่งผลกระทบต่อเด็ก และสนับสนุนการพัฒนาเด็กผ่านกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ
- บริษัทฯ ส่งเสริมการจ้างงานอย่างเป็นธรรม โดยปฏิบัติต่อพนักงานและลูกจ้างทุกคน รวมทั้งแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม และโปร่งใสในทุกสถานที่ปฏิบัติงาน การจ้างงานจะระบุข้อกําหนดและเงื่อนไขที่ตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจน ครอบคลุมอัตราค่าจ้างและสวัสดิการ ระยะเวลาการทำงาน การทำงานล่วงเวลา การทำงานในวันหยุด วันลาป่วย และวันหยุดพักผ่อนประจำปี โดยไม่หักค่าจ้างหรือค่าตอบแทนใด ๆ รวมทั้งกำหนดวันหยุดและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่ไม่น้อยกว่ากฎหมายกำหนด ตลอดจนให้การคุ้มครองสิทธิความเป็นมารดาของพนักงานหรือลูกจ้างที่ตั้งครรภ์ ให้สิทธิในการลาคลอด รวมระยะเวลาหลังคลอดบุตร พร้อมจัดให้มีค่าจ้างและ/หรือผลตอบแทนในช่วงการลาคลอดไม่น้อยกว่าที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งคุ้มครองสิทธิการกลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมเมื่อสิ้นสุดการลาคลอด
- บริษัทฯ ยึดมั่นในการจ่ายค่าจ้างและค่าตอบแทนที่เป็นธรรมอย่างเท่าเทียมและไม่เลือกปฏิบัติต่อทุกเพศสภาพและวัย โดยปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยค่าแรงขั้นต่ำ และจัดให้มีสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งสนับสนุนการจ่ายค่าตอบแทนที่เพียงพอและเหมาะสมต่อการดำรงชีวิต โดยพิจารณาบริบททางเศรษฐกิจและค่าครองชีพของแต่ละประเทศที่ดำเนินธุรกิจ
- บริษัทฯ กำหนดชั่วโมงการทำงานที่สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน โดยกำหนดชั่วโมงการทำงานสูงสุดและจำกัดชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาให้อยู่ภายในกรอบที่กฎหมายกำหนด เพื่อป้องกันการทำงานล่วงเวลาเกินความจำเป็นและส่งเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานและคุณภาพชีวิตของพนักงาน
- บริษัทฯ ไม่ยอมรับการใช้แรงงานบังคับในทุกรูปแบบ โดยปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขการจ้างแรงงานตามข้อบัญญัติของกฎหมายคุ้มครองแรงงานของแต่ละประเทศอย่างเคร่งครัดการมอบหมายหน้าที่การปฏิบัติงานแก่พนักงาน และลูกจ้างจะพิจารณาจากความสามารถของบุคคลและเห็นชอบร่วมกันทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังต่อต้านการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์จากแรงงานที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของแรงงานจากนักโทษ แรงงานทาส และแรงงานในรูปแบบอื่นใดที่เป็นการบังคับเพื่อแสวงหาประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่งในการดําเนินงานของบริษัทฯ ห่วงโซ่อุปทาน และกิจการที่อยู่ภายใต้การควบคุมหรือบริหารจัดการของบริษัทฯ
- บริษัทฯ เคารพในสิทธิและเสรีภาพของพนักงานและลูกจ้างในการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ตามความสมัครใจ รวมถึงการแสดงความคิดเห็น และแสดงออกในลักษณะที่ไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย และศีลธรรมอันดี
- บริษัทฯ เคารพและสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการรวมกลุ่ม รวมถึงสิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมของพนักงานและลูกจ้าง และเปิดโอกาสให้พนักงานและลูกจ้างสามารถสื่อสารและแสดงความคิดเห็นกับฝ่ายบริหารในประเด็นเกี่ยวกับสวัสดิการและสภาพการทำงานอย่างเหมาะสมโดยปราศจากการข่มขู่ คุกคาม หรือการกีดกันใด ๆ
- บริษัทฯ ส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ที่ครอบคลุมบุคคลและทรัพย์สินของบริษัทฯ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ รวมถึงห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีความปลอดภัยและมีมาตรฐาน พร้อมกำหนดมาตรการ ระบบการป้องกันและเฝ้าระวังความเสี่ยงต่อความปลอดภัยโดยให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายด้านความปลอดภัยและชีวอนามัยที่เกี่ยวข้อง และมีการจัดฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับคู่ค้า/ผู้รับเหมาก่อนเข้าปฏิบัติงานตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และข้อบังคับด้านความปลอดภัยของบริษัทฯ
- บริษัทฯ ต่อต้านและไม่ดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการเลือกปฏิบัติ การข่มขู่คุกคาม การล่วงละเมิด และการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการล้อเลียน การแสดงความเห็นเกี่ยวกับความแตกต่างของบุคคลในลักษณะที่ไม่พึงปรารถนา การคุกคามทางเพศผ่านพฤติกรรมหรือวาจา รวมถึงการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม ในสถานที่ทำงาน ส่อถึงการล่วงละเมิดทางเพศ หรือทำให้บุคคลหนึ่งเกิดความอับอายทั้งทางร่างกายและจิตใจ อันถือเป็นการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และความปลอดภัย
- บริษัทฯ เคารพสิทธิของชนพื้นเมืองในทุกพื้นที่ที่ประกอบกิจการ โดยมุ่งมั่นที่จะยอมรับ คุ้มครอง และส่งเสริมขนบธรรมเนียม ประเพณี วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น และมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นสิทธิดั้งเดิมของชนพื้นเมือง
- บริษัทฯ สนับสนุนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนและสังคมอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกปฏิบัติ สนับสนุนการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา การฝึกงาน การฝึกอาชีพ และการจัดหาตำแหน่งงานที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมประสบการณ์และการเข้าสู่ตลาดแรงงานอย่างยั่งยืน
- บริษัทฯ มีระบบและกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน (Human Rights Due Diligence) ทั้งกิจการภายในบริษัทฯ กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และห่วงโซ่อุปทาน โดยครอบคลุมทั้งกิจการที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันและกิจการใหม่ ๆ ที่จะมีการควบรวมกิจการหรือร่วมทุน กระบวนการดังกล่าวครอบคลุมการระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงสูง (Salient Issues) การประเมินผลกระทบ การกำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบ รวมทั้งมาตรการเยียวยาและการบรรเทาผลกระทบที่เหมาะสม หรือมีความชอบธรรม หรือได้รับการยอมรับทั่วไป โดยให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียในกระบวนการ นอกจากนี้ จัดให้มีการตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชน การติดตามการปฏิบัติตามนโยบายสิทธิ มนุษยชน และการรายงานและเปิดเผยข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นและความรับผิดชอบในทุกระดับของการดำเนินธุรกิจ
- บริษัทฯ เปิดรับเรื่องร้องเรียนหรือการรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทั้งที่เกิดจากกิจกรรมของบริษัทฯ กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และ/หรือห่วงโซ่อุปทาน ผ่านช่องทางการร้องเรียนบนเว็บไซต์บริษัทฯ www.ratch.co.th และจะให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองบุคคลที่ร้องเรียนหรือ รายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ตามมาตรการคุ้มครองที่ระบุในจรรยาบรรณบริษัทฯ โดยข้อมูลที่ได้รับจะถูกเก็บรักษาเป็นความลับ และไม่เปิดเผยชื่อผู้ร้องเรียนหรือข้อมูลที่สามารถระบุตัวตนได้
- ในกรณีที่บริษัทฯ ก่อให้เกิดหรือมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชน บริษัทฯ จะดำเนินการเยียวยาและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบอย่างเหมาะสม ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งดำเนินการลงโทษผู้กระทำผิด และกำหนดมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ
- บริษัทฯ มุ่งมั่นปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมองค์กรการเคารพสิทธิมนุษยชน โดยดำเนินการสอดส่องดูแลและไม่เพิกเฉยต่อการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนในทุกกรณี อีกทั้งจะดำเนินการสื่อสาร เผยแพร่ และให้ความรู้ รวมถึงจัดอบรมด้านสิทธิมนุษยชนแก่คณะกรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทฯ กิจการที่บริษัทฯ มีอำนาจบริหารจัดการ และห่วงโซ่อุปทาน อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ เพื่อสร้างการรับรู้และความเข้าใจในนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ และเสริมสร้างความสามารถในการป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม
- บริษัทฯ จะดำเนินการทบทวนนโยบายสิทธิมนุษยชน เป็นประจำทุกปีหรือเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญ เพื่อให้นโยบายมีความสอดคล้องกับหลักกฎหมาย หลักปฏิบัติสากล และ/หรือสภาพแวดล้อมทางธุรกิจอยู่เสมอ
- บุคคลที่กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน ถือเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณของบริษัทฯ และนโยบายฉบับนี้ ซึ่งจะต้องได้รับการพิจารณาทางวินัยตามระเบียบของบริษัทฯ และหากการกระทำนั้นเข้าข่ายเป็นความผิดทางกฎหมายอาจจะต้องได้รับโทษทางกฎหมายด้วย
การบังคับใช้นโยบายฉบับนี้ หากมีข้อกำหนดใดของนโยบายมีความขัดแย้งกับกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องในท้องถิ่นใด ให้ยึดตามกฎหมาย ระเบียบ และข้อบังคับของหน่วยงานกำกับดูแลในท้องถิ่นนั้นเป็นหลัก
จึงประกาศมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติโดยทั่วกัน
ประกาศ ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2568
ประธานกรรมการ
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)




